ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ

รองศาสตร์จารย์ คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

GUEST WRITERS:
อาถรรพ์หมายเลข 6
โดย ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ

การร่างกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์, การลงลายมือชื่อ หรือการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเรื่องยากและสลับซับซ้อนมากจนต้องประสบอุปสรรคนานัปการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (computer) ซึ่งผู้ทำผิดมักจะหาช่องทางได้เสมอ ทั้ง ๆ ที่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทำงานกันอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้เป็นกฎหมายที่ใช้คุ้มครองผู้เสียหาย แต่ก็มักจะมีช่องว่างช่องโหว่ให้ผู้ที่กระทำความผิด หลุดลอดกฎหมายไปได้ ด้วยเหตุร้อยแปดพันเก้า ทำให้ความผิด ความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดโดยตรงจากการใช้คอมพิวเตอร์ ยังคงไม่มีอะไรมายับยั้งยุติได้

เรื่องการเกิดไวรัส โจมตีในเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออาจแพร่กระจายไปทั่วโครงข่ายนั้น ก็เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน จึงไม่มีกฎหมายมารองรับ ผู้วางนโยบาย นักวิชาการ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ ต่างก็เสนอกลยุทธ์ เพื่อจัดการประเด็นนี้หลายวิธี แต่ไม่มีวิธีใดเลยที่ประสบความสำเร็จ

software ทั้งหลายก็ได้รับการพัฒนาจนซับซ้อนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว การติดตาม การกระทำความผิดก็ดี ผู้กระทำความผิดก็ดี นับวันจะยากเย็นแสนเข็นขึ้นเรื่อย ๆ ครั้นเมื่อตามได้ไล่ทัน ก็กลับทำอะไรแทบไม่ได้เลย เพราะปัญหาเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเอง ก็ไม่มีใครที่จะสามารถรู้จักคอมพิวเตอร์ และ Software ได้ทุกชิ้น ทุกส่วน และทุกหน้าที่ เพราะระบบทั้งระบบนั้น กว้างใหญ่ซับซ้อนมาก จนต้องมีการแบ่งกระจายการดูแล ค้นคว้ากันเป็นส่วน ๆ ตามแต่ความชำนาญของแต่ละฝ่าย ดังนั้น ในการใช้งาน จึงไม่มีใครเชี่ยวชาญ หรือสามารถรับมือกับคอมพิวเตอร์ได้ทั้งระบบ ในคนๆเดียว หากมีข้อผิดพลาดทางเทคนิคขึ้น ผลกระทบอาจก่อเกิดความสูญเสีย ชนิดที่ประเมินค่ามิได้ ความวุ่นวายยุ่งเหยิง ความสับสนที่เกิดขึ้น อาจมีผลถึงความหายนะของมวลมนุษยชาติ

ส่วนประกอบสำคัญของ คอมพิวเตอร์ ก็ได้แก่ ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่เรียกว่า ชิพ (chip) ซึ่งถ้ายิ่งมีความเร็วและประสิทธิภาพสูงก็จะยิ่งสร้างมลภาวะในธรรมชาติมากขึ้น และสามารถทำลายสภาพแวดล้อมได้มากกว่ารถยนต์ รายงานการวิจัยค้นพบว่า ชิพคอมพิวเตอร์โดยเฉลี่ยแล้ว สามารถทำลายสภาพแวดล้อมได้มากกว่ารถยนต์ โดยเฉพาะการผลิตชิพซิลิคอนให้มีขนาดเล็ก และบางมากขึ้นจะยิ่งก่อให้เกิดขยะเป็นจำนวนมหาศาล ในการผลิตชิพความจำ หนัก 2 กรัม จะต้องใช้วัสดุและพลังงานชีวภาพทั้งหมดราว 1,400 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าตัวชิพเองถึง 700 เท่า

คณะนักวิจัยได้ทำการศึกษาสารเคมีทั้งหมด รวมไปถึงพลังงานชีวภาพ อาทิ ถ่านหินที่ใช้ในการเปลี่ยนแร่ควอตซ์ดิบให้กลายเป็นชิพแรมขนาด 32 เมกะไบต์ และพบว่า จะต้องใช้วัสดุต่างๆ เช่น พลังงานและสารละลาย ในการผลิตชิพ สูงกว่าการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ หลายเท่า เนื่องจากชิพที่ผลิตต้องมีขนาดเล็ก และกระบวนการเหล่านี้ ต้องปราศจากฝุ่นและสิ่งสกปรกทั้งปวง

การผลิตไมโครชิพจึงไม่ได้ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม และการถูกทำลายของสภาพแวดล้อมด้วยวิธีนี้ก็อาจมหาศาลจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว และนี่คือความเป็นจริงอันขมขื่นที่คนเรากำลังเผชิญอยู่

ในยุคคอมพิวเตอร์นี้ อารยธรรมของมนุษย์รวมอยู่ในชิพเล็กๆ เพียงตัวเดียว หากเกิดการขัดข้อง สูญหายหรือมีการแปลผิด อารยธรรมทั้งหลายของมนุษย์ที่รวมไว้ย่อมถึงกาลอวสานอย่างแน่นอน ยิ่งการผลิตซับซ้อนมาก มนุษย์ก็จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้น เพราะไม่มีใครหยั่งถึงมันได้ ทำให้เราเห็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขตของคอมพิวเตอร์ เพียงแต่คอมพิวเตอร์นั้น “เอาใจลำบาก” จึงอาจนำไปสู่ความหายนะของอารยธรรมและชีวิตมวลมนุษย์ได้ในพริบตา

ขณะที่ไม่มีกฎหมายที่จะตีวงหรือจำกัดอำนาจอันยิ่งใหญ่ของคอมพิวเตอร์ อยู่นี้ ผมได้กลับไปดูภาพยนตร์เก่าเรื่องหนึ่ง เรื่อง “อาถรรพ์หมายเลข 6” หรือ “The (666) Omen” นำแสดงโดย Gregory Peck ซึ่งได้แสดงถึงสัญลักษณ์ของผู้ทำลายล้างโลกปรากฏขึ้นด้วยหมายเลข 666 โดยได้อ้าง ถ้อยคำทำนายในพระคัมภีร์บทหนึ่ง ความว่า

“Here is wisdom. Let him who has understanding calculate the number of the beast, for it is the number of a man ; His number is 666. (Book of Revelation Chapter 13 Verse 18)

พระคัมภีร์ฉบับภาษาไทยแปลความ ไว้ว่า "ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลหนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก" (พระคริสตธรรมใหม่ วิวรณ์ บทที่ 13 วรรค 18)

ในเรื่อง The Omen สัญลักษณ์ 666 ได้ปรากฏขึ้นที่ตัวเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งได้ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรม ต่าง ๆ อย่างมากมายโดยไม่มีใคร ยับยั้งหรือขัดขวางได้ แม้แต่ พระเอกเอง น่าประหลาดที่คำว่า Computer หากถอดลำดับตัวอักษรเป็นตัวเลข จะได้เป็นดังนี้



และเมื่อเอาเลข 6 คูณแต่ละจำนวน จะได้เป็น



เมื่อนำตัวเลขที่ได้ทั้งหมดมาบวก กันเข้าผลลัพธ์ที่ได้   =   6 6 6


เอ เมน !!! •